บทที่12 การติดตั้งโปรแกรม multimedia
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. audio ออดิโอ้ เสียง
2. version เวอร์ชั้น รุ่น
3. skin สกิน ผิว(ในความหมายของคอมพิวเตอร์)
4. hard disk ฮาร์ดดิกส์ ที่เก็บข้อมูล
5. connect คอนเน็ก เชื่อมต่อ
6. internet อินเตอร์เน็ต เครื่อยค่ายอินเตอร์เน็ต
7. available อวารีเอเบิ้ล สามารถใช้ได้
8. run รัน ดำเนินการ(ภาษาคอมพิวเตอร์)
9. software ซอฟต์แวร์ ระบบของคอมพิวเตอร์
10. finish ฟีนิช เสร็จสิ้น
บทที่ 13 การบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. supply ซัพพราย จัดหา
2. power supply พาวเวอร์ ซัพพราย อุปกรณ์ระบายความร้อน
3. printer ปริ้นเตอร์ เครื่องพิมพ์
4. windows วินโดว์ หน้าต่าง
5. disk ดิสก์ แผ่น
6. application แอพพรีเคชั้น ใบสมัคร
7. tuning up เทรินนี้ง อัพ ปรับขึ้น
8. system ซิตเต็ม ระบบ
9. settings เซ็ตตี้ง การตั้งค่า
10. stop สต็อบ หยุดการทำงาน
blogger นี้สร้างขึ้นเพื่อการเรียน สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์
วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556
ศัพท์คอมพิวเตอร์
บทที่9 การติดตั้งระบบปฎิบัติการ windows XP
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. windows XP วินโดว์ เอ็กพี ระบบปฎิบัติการวิโดว์เอ็กพี
2. format พอรแม็ต ล้างข้อมูล
3. setup เซ็ตอัพ การติดตั้ง
4. windows วินโดว หน้าต่าง
5. copy ก็อปปี้ คัดลอกข้อมูล
6. virus ไวรัส ไวรัส
7. keyboard คีย์บอร์ด แป้นพิมพ์
8. enter เอ็นเทอร์ ตกลง
9. user name ยูสเสอร์ เนม ชื่อผู้ใช้งาน
10. next เน็ค ต่อไป
บทที่ 10 การติตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. code โค้ด รหัสข้อมูล
2. folder โพลเอร์ ไพล์งาน
3. cancel แคนเซิล ยกเลิก
4. register ลิจิตเตอร์ ลงทะเบียน
5. automatic ออโตเมติก อัตโนมัติ
6. update อัพเด็ท การอัพข้อมูล
7. manual มัลนวล คู่มือ
8. scan engine สแกน เอ็นเนอร์จี้ โปรแกรมการสแกน
9. pattern data แพรนเตอร์ ดาต้า ข้อมูลรูปแบบ
10. restart รีสตาร์ท การเริ่มใหม่
บทที่ 11 การติดตั้งและใช้งานโปรแกรม winzip
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. full ฟูล เต็ม
2. final ไฟนอล สุดท้าย
3. beta เบต้า ตัวทดลอง
4. brown บราวเซอร์ เว็บไซต์
5. start สตาร์ เริ่ม
6. classic คลาสสิค รูปแบบพื้ฐาน
7. finish ฟินิส เสร็จสิ้น
8. extract เอ็กแทรก แตกไพล์
9. configure คอนฟิก กำหนดค่าคอนฟิกของวินซีป
10. quick start ควิกรี้สตาร์ เริ่มแบบเร่งด่วน
2. final ไฟนอล สุดท้าย
3. beta เบต้า ตัวทดลอง
4. brown บราวเซอร์ เว็บไซต์
5. start สตาร์ เริ่ม
6. classic คลาสสิค รูปแบบพื้ฐาน
7. finish ฟินิส เสร็จสิ้น
8. extract เอ็กแทรก แตกไพล์
9. configure คอนฟิก กำหนดค่าคอนฟิกของวินซีป
10. quick start ควิกรี้สตาร์ เริ่มแบบเร่งด่วน
ศัพท์คอมพิวเตอร์
บทที่6 การ์ดแสดงผล
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. display card ดิสเพลการ์ด การ์ดจอ
2. CRT ซีอาร์ที จอภาพแบบซีอาร์ที
3. LCD แอลซีดี จอภาพแบบแอลซีดี
4. monitor มอนีเตอร์ จอภาพ
5. thin film transistor ทีนฟิลล์ซิสเตอร์ แผ่นฟิลล์บาง-ทรานซิสเตอร์
6. dot pitch ดอตเพิส ขนาดของจุด
7. VGA วีจีเอ การ์ดวีจีเอ
8. super VGA ซูเปอร์วีจีเอ การ์ดซูเปอร์วีจีเอ
9. graphic accelerator การฟฟิกแอสเลเตอร์ การ์ดที่ใช้ตัวเร่งกราฟฟิก
10. AGP เอจีพี การ์ดแสดงผลแบบวีจีเอ
บทที่7 โมเด็มและการ์ดแสดงเสียง
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. modem โมเด็ม การแปลงวัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณเสียง
2. sound card ซาวด์การ์ด การ์ดแสดงเสียง
3. ISA ไอเอสเอ การ์ดแสดงเสียงแบบไอเอสเอ
4. PCI พีซีไอ การ์ดแสดงเสียงแบบพีซีไอ
5. external modem เอสเทอร์เนล โมเด็ม โมเด็มที่ติดตั้งภาพนอก
6. bit rate บีทแรร์ อัตตราการส่งขอมูล
7. baud rate ไบยแรร์ อัตตราการเปลี่ยนแปลงของลูกคลื่นนสัญญาณ
8. PCMCIA momed พีซีอ็มซีไอเอ โมเด็ม การ์ดที่เสียบกับคอมพิวเตอร์ประเภทโน็ตบุ็ค
9. cable เคเบิล สายคเบิล
10. sound no board ซาวด์ออนบอร์ด การ์ดแสดงเสียงภายในตัว
บทที่8 อุปกรณ์ต่อพ่วง
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. digital camera ดิจิตอล คาเมลา กล้องดิจิตอล
2. pixel ฟิกเซล ความชัของกล้อง
3. smart media สมาร์ท มิเดีย หน่วยความจำแบบ สมาร์ทมิเดีย
4. compact flash คอมแพค เฟรช หน่วยความจำแบบคอมแพค เฟรช
5. mulit media card มัลตีมีเดียการ์ด หน่วยความจำขนาดเล็ก
6. flash drive แฟลช ไดร์ฟ แฟลชไดร์ฟ
7. printer ปริ้นเตอร์ เครื่องพิมพ์
8. ink-jet printer อิงค์-เจ็ต ปริ้นเตอร์ เครื่องพิมพ์แบบพ้นหมึก
9. laser printer เลเซอร์ ริ้นเตอร์ เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์
10. scanner สแกนเนอร์ เครื่องสแกนเนอร์
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. display card ดิสเพลการ์ด การ์ดจอ
2. CRT ซีอาร์ที จอภาพแบบซีอาร์ที
3. LCD แอลซีดี จอภาพแบบแอลซีดี
4. monitor มอนีเตอร์ จอภาพ
5. thin film transistor ทีนฟิลล์ซิสเตอร์ แผ่นฟิลล์บาง-ทรานซิสเตอร์
6. dot pitch ดอตเพิส ขนาดของจุด
7. VGA วีจีเอ การ์ดวีจีเอ
8. super VGA ซูเปอร์วีจีเอ การ์ดซูเปอร์วีจีเอ
9. graphic accelerator การฟฟิกแอสเลเตอร์ การ์ดที่ใช้ตัวเร่งกราฟฟิก
10. AGP เอจีพี การ์ดแสดงผลแบบวีจีเอ
บทที่7 โมเด็มและการ์ดแสดงเสียง
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. modem โมเด็ม การแปลงวัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณเสียง
2. sound card ซาวด์การ์ด การ์ดแสดงเสียง
3. ISA ไอเอสเอ การ์ดแสดงเสียงแบบไอเอสเอ
4. PCI พีซีไอ การ์ดแสดงเสียงแบบพีซีไอ
5. external modem เอสเทอร์เนล โมเด็ม โมเด็มที่ติดตั้งภาพนอก
6. bit rate บีทแรร์ อัตตราการส่งขอมูล
7. baud rate ไบยแรร์ อัตตราการเปลี่ยนแปลงของลูกคลื่นนสัญญาณ
8. PCMCIA momed พีซีอ็มซีไอเอ โมเด็ม การ์ดที่เสียบกับคอมพิวเตอร์ประเภทโน็ตบุ็ค
9. cable เคเบิล สายคเบิล
10. sound no board ซาวด์ออนบอร์ด การ์ดแสดงเสียงภายในตัว
บทที่8 อุปกรณ์ต่อพ่วง
คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1. digital camera ดิจิตอล คาเมลา กล้องดิจิตอล
2. pixel ฟิกเซล ความชัของกล้อง
3. smart media สมาร์ท มิเดีย หน่วยความจำแบบ สมาร์ทมิเดีย
4. compact flash คอมแพค เฟรช หน่วยความจำแบบคอมแพค เฟรช
5. mulit media card มัลตีมีเดียการ์ด หน่วยความจำขนาดเล็ก
6. flash drive แฟลช ไดร์ฟ แฟลชไดร์ฟ
7. printer ปริ้นเตอร์ เครื่องพิมพ์
8. ink-jet printer อิงค์-เจ็ต ปริ้นเตอร์ เครื่องพิมพ์แบบพ้นหมึก
9. laser printer เลเซอร์ ริ้นเตอร์ เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์
10. scanner สแกนเนอร์ เครื่องสแกนเนอร์
วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556
การบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
1.สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์
7. ไฟฟ้าสถิตหรือฟ้าผ่า ชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเมนบอร์ดแทบทุกชิ้นจะไวต่อไฟฟ้าวถิตมาก ยิ่งเมื่อถึงเวลาอากาศหนาวๆ แล้ว (ต่างประเทศ) จะต้องมีดทปติดกับข้อมือแล้วต่อสายไฟฟ้าที่เป็นสายดิน เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าสถิตจากตัวสร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
แต่ถ้าวันไหนเพียงรู้สึกว่าอากาศแห้งๆแล้วควรลดไฟฟ้าสถิตในตัวเองงก่อนเช่นสัมผัสกับโลหะชิ้นอื่นอย่างตู้เอกสารโลหะก่อนที่จะเริ่มเปิดฝาเครื่อง
คอมพิวเตอร์เพื่อดูชิ้นส่วนภายใน
อีกสิ่งที่สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ คือ ฟ้าผ่า แม้ว่าฌอกาสจะเกิดได้ยาก เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มีสายอากาศ
แบบโทรทัศน์ แต่เวลามีพายุฝนฟ้าคะนอง ไฟฟ้าสถิตในอากาศขณะนั้นจะสูง ความชื่นก็สูงด้วย ทางที่ดีอย่าพยายามเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ในช่วง
ที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง เพราะแม้ว่าฟ้าจะไม่ได้ผ่าลงเครื่องโดยตรง แต่ไฟฟ้าสถิตในอากาศก็สามารถสร้างความเสียหายให้คอมพิวเตอร์ในขณะที่กำลัง
ทำงานอยู่ได้
1. ความร้อน ได้แก่ ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในเครื่องคอมพพิวเตอร์เองและภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจาก คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน เป็นสาเหตุให้มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นพลังงานให้กับอุปกรณ์ภายในบางส่วนสูญเสีออกมาในรูปของ
ความร้อน ซึ่งความร้อนนี้เองเป็นสาเหตุของความเสียหายกัยอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน เป็นสาเหตุให้มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นพลังงานให้กับอุปกรณ์ภายในบางส่วนสูญเสีออกมาในรูปของ
ความร้อน ซึ่งความร้อนนี้เองเป็นสาเหตุของความเสียหายกัยอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์

2. ฝุ่นผง อาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เพราะฝุ่นสามารถเกาะพื้นผิวชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น แผงวงจรภายใน
เมื่อนานๆ ไปจะเคลือบหนาขึ้นและยึดติดแน่นจนทำให้เป็นฉนวนกั้นความร้อนทำให้แผงวงจรนั้นไม่สามารถระบายความร้อนได้ซึ่งเป็นผลเสียต่อ
เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง เพราะฉะนั้น ควรกำจัดฝุ่นผงภายในเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ในบ้านควรทำความสะอาด อย่างน้อยปีละ
1 ครั้ง ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ภายในสำนักงาน ควรทำความสะอาดทุก 6 เดือน
หรือแม้แต่พัดลมระบายความร้อน ถ้ามีฝุ่นมากๆ ก็อาจทำให้ทำงานติดขัด การระบายความร้อนทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
วิธีการแก้ปัญหานี้ คือ ถ้าเกิดเป็นห้องที่มีการติดเครื่องปรับอากาศแล้ว ต้องสำรวจว่ามีเครื่องกรองอากาศเพื่อลดผุ่งละอองในห้องแล้วหรือยัง
สำหรับห้องที่ไม่ใช้ห้องปรับอากาศ อาจจะให้อุปกรณ์หรือผลิตภัณฆ์ทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น แปรง และชุดดูดฝุ่นเล็กๆ ซึ่งจะช่วยยืด
อายุการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้เลยทีเดีียว แต่ที่สำคัญไม่ควรนำเครื่องดูุดฝุ่นสำหรับใช้ในบ้านเรือนหรือในรถยนต์มาดูดฝุ่นคอมพิวเตอร์เด็ดขาด
เพราะนอกจากฝุ่นแล้วชิ้นส่วนบางส่วนชิ้นบนเมนบอร์ดอาจดูดไปด้วย
เมื่อนานๆ ไปจะเคลือบหนาขึ้นและยึดติดแน่นจนทำให้เป็นฉนวนกั้นความร้อนทำให้แผงวงจรนั้นไม่สามารถระบายความร้อนได้ซึ่งเป็นผลเสียต่อ
เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง เพราะฉะนั้น ควรกำจัดฝุ่นผงภายในเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ในบ้านควรทำความสะอาด อย่างน้อยปีละ
1 ครั้ง ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ภายในสำนักงาน ควรทำความสะอาดทุก 6 เดือน
หรือแม้แต่พัดลมระบายความร้อน ถ้ามีฝุ่นมากๆ ก็อาจทำให้ทำงานติดขัด การระบายความร้อนทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
วิธีการแก้ปัญหานี้ คือ ถ้าเกิดเป็นห้องที่มีการติดเครื่องปรับอากาศแล้ว ต้องสำรวจว่ามีเครื่องกรองอากาศเพื่อลดผุ่งละอองในห้องแล้วหรือยัง
สำหรับห้องที่ไม่ใช้ห้องปรับอากาศ อาจจะให้อุปกรณ์หรือผลิตภัณฆ์ทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น แปรง และชุดดูดฝุ่นเล็กๆ ซึ่งจะช่วยยืด
อายุการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้เลยทีเดีียว แต่ที่สำคัญไม่ควรนำเครื่องดูุดฝุ่นสำหรับใช้ในบ้านเรือนหรือในรถยนต์มาดูดฝุ่นคอมพิวเตอร์เด็ดขาด
เพราะนอกจากฝุ่นแล้วชิ้นส่วนบางส่วนชิ้นบนเมนบอร์ดอาจดูดไปด้วย

3. แม่เหล็ก ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่จะสร้างความเสียหายให้กับข้อมูลที่อยู่แผ่นดิสก์หรือแม้กระทั่งฮาร์ดิสก์ ได้ ซึ่งอาจถึงขั้นไม่ได้เลย จอภาพก็เป็นแหล่งกำเนิดแรงแม่เหล็กด้วย เช่นกัน ดังนั้น ถ้าผู้ใช้เผลอวางแผ่นดิสก์ไว้ใกล้จอภาพก็อาจทำให้ข้อมูลภาบใน
ดิสก์เสียหาย ลำโพงก็เป็นแหล่งกำเนิดแม่เหล็กได้เช่นกัน รวมถึงมอเตอร์ที่ภายในเครื่องพิมพ์ก็เป็นแหล่งกำเนิดแม่เหล็กได้เช่นกัน
ดิสก์เสียหาย ลำโพงก็เป็นแหล่งกำเนิดแม่เหล็กได้เช่นกัน รวมถึงมอเตอร์ที่ภายในเครื่องพิมพ์ก็เป็นแหล่งกำเนิดแม่เหล็กได้เช่นกัน
4. น้ำและของเหลว เป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่าย สาเหตุเพราะ น้ำและของเหลวจะเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้หลายทาง
ด้วย กันทางที่ดีควรหาพลาสติกมาคลุมเครื่องไว้เมื่อไม่ใช้งาน
ด้วย กันทางที่ดีควรหาพลาสติกมาคลุมเครื่องไว้เมื่อไม่ใช้งาน
5. กระบวนการเกิดสนิม ตัวการที่ก่อให้เกิดสนิมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งภายนอกและแผงวงจรภายใน ได้แก่
- เกลือและเหงื่อ
- น้ำ
- อากาศ (ที่มีกรดซัลฟูริก กรดเกลือ หรือกรดคาร์บอนิกส์)
ปัญหาใหญ่ ก็คือ การเกิดสนิมที่อุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะอาจทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้หรือทำงานผิดพลาด
เพราะฉะนั้น จึงควรระมัดระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดสนิม สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์
- เกลือและเหงื่อ
- น้ำ
- อากาศ (ที่มีกรดซัลฟูริก กรดเกลือ หรือกรดคาร์บอนิกส์)
ปัญหาใหญ่ ก็คือ การเกิดสนิมที่อุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะอาจทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้หรือทำงานผิดพลาด
เพราะฉะนั้น จึงควรระมัดระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดสนิม สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์
6. ระบบไฟฟ้า สำหรับคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า UPS ซึ่งคววรจะเป็นแบบที่มีทั้งระบบไฟฟ้าสำรองและระบบควบคุม
กระแสไฟฟ้า ที่เรียกว่า สเตบิไลเซอร์ (Stabilizer)
ถ้าเกิดไฟฟ้าดับภายในบ้าน ก็ยังมีเวลาบันทึกไฟล์เก็บไฟล์ได้ทัน หรือถ้ากรณีไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ตัวสเตบิไลเซอร์ก็จะกักไฟฟ้าส่วน
เกินหรือเสริมส่วนที่ขาดไม่ให้คอมพิวเตอร์ต้องเกิดความเสียหา
กระแสไฟฟ้า ที่เรียกว่า สเตบิไลเซอร์ (Stabilizer)
ถ้าเกิดไฟฟ้าดับภายในบ้าน ก็ยังมีเวลาบันทึกไฟล์เก็บไฟล์ได้ทัน หรือถ้ากรณีไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ตัวสเตบิไลเซอร์ก็จะกักไฟฟ้าส่วน
เกินหรือเสริมส่วนที่ขาดไม่ให้คอมพิวเตอร์ต้องเกิดความเสียหา

7. ไฟฟ้าสถิตหรือฟ้าผ่า ชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเมนบอร์ดแทบทุกชิ้นจะไวต่อไฟฟ้าวถิตมาก ยิ่งเมื่อถึงเวลาอากาศหนาวๆ แล้ว (ต่างประเทศ) จะต้องมีดทปติดกับข้อมือแล้วต่อสายไฟฟ้าที่เป็นสายดิน เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าสถิตจากตัวสร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
แต่ถ้าวันไหนเพียงรู้สึกว่าอากาศแห้งๆแล้วควรลดไฟฟ้าสถิตในตัวเองงก่อนเช่นสัมผัสกับโลหะชิ้นอื่นอย่างตู้เอกสารโลหะก่อนที่จะเริ่มเปิดฝาเครื่อง
คอมพิวเตอร์เพื่อดูชิ้นส่วนภายใน
อีกสิ่งที่สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ คือ ฟ้าผ่า แม้ว่าฌอกาสจะเกิดได้ยาก เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มีสายอากาศ
แบบโทรทัศน์ แต่เวลามีพายุฝนฟ้าคะนอง ไฟฟ้าสถิตในอากาศขณะนั้นจะสูง ความชื่นก็สูงด้วย ทางที่ดีอย่าพยายามเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ในช่วง
ที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง เพราะแม้ว่าฟ้าจะไม่ได้ผ่าลงเครื่องโดยตรง แต่ไฟฟ้าสถิตในอากาศก็สามารถสร้างความเสียหายให้คอมพิวเตอร์ในขณะที่กำลัง
ทำงานอยู่ได้
2.การบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์
ซีพียู (CPU: Central Processing Unit) หรือหน่วยประมวลผล นับเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ประมวลผลต่าง ๆ ตามที่โปรแกรมไว้ โดยปกติซีพียูเป็นอุปกรณ์/ชิ้นส่วนที่เสียหายยากมากจากการใช้งานปกติ ซึ่งซีพียูอาจจะทำงานได้นานมากจนเราเลิกใช้เครื่องไปเลย แต่ถ้าเราโชคร้ายโดยถูกผู้ผลิตนำซีพียูทีมีความเร็วต่ำมาหลอกขายว่าเป็นซีพียูความเร็วสูง (CPU Remark) หรือทำการ PUSH ให้ซีพียูทำงานเร็วกว่าความเร็วที่กำหนดให้ ทำให้อายุการใช้งานของซีพียูสั้นลงกว่าปกติ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อายุการใช้งานซีพียูสั้นลงก็คือ พัดลมระบายอากาศ (Ventilation Fan) ที่ติดตั้งอยู่ที่ชุดจ่ายไฟฟ้า (Power Supply) ของคอมพิวเตอร์เสีย ทำให้ซีพียูต้องทำงานที่ความร้อนสูงตลอดเวลา ถ้าซีพียูเสียก็ต้องซื้อใหม่อย่างเดียว ไม่สามารถทำการซ่อมหรือแก้ไขได้
การดูแลรักษาซีพียู จึงต้องทำให้พัดลมระบายอากาศ และชุดจ่ายไฟฟ้ามีการทำงานที่ปกติอยู่เสมอ การตรวจเช็คอุปกรณ์ดังกล่าวทำได้ง่าย ๆ โดยการสังเกตว่า มีการทำงานปกติหรือไม่ ? มีเสียงผิดปกติขณะทำงานหรือไม่ ? โดยอุปกรณ์ทั้งสองสามารถเสื่อมลงได้ตามระยะเวลาใช้งาน โดยทั่วไปหากซีพียูต้องทำงานในอุณหภูมิที่ร้อนมาก ซีพียูจะหยุดทำงานเพื่อป้องกันความเสียหาย อาจทำให้เกิดอาการเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ไปซักครู่ แล้วดับไปเองบ่อย ๆ (สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือซีพียูร้อนจนเกินไป)
ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) เป็นหน่วยความจำสำรอง หรือสื่อบันทึกข้อมูลภายนอกที่มีความจุสูง ฮาร์ดดิสก์จะถูก บรรจุอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่แล้ว ฮาร์ดดิสก์ในสมัยเริ่มแรกมีความจุเพียง 20-80 เมกะไบต์ และต่อมาฮาร์ดดิสก์ได้พัฒนาให้มีความจุสูงขึ้น และมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งในปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดมีความจุมากกว่า 80 กิกะไบต์ทั้งสิ้น และมักจะมีอายุการประกันตั้งแต่ 1-3 ปี ซึ่งเมื่อฮาร์ดดิสก์เสียในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ต้องส่งไปซ่อมกับร้านที่ซื้อมา โดยทั่วไปฮาร์ดดิสก์จะมีอายุการใช้งานอย่างต่ำ 3 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดดิสก์ก็อาจจะเสียได้ตลอดเวลา ดังนั้น เราควรสำรองข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เอาไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเวลาที่ฮาร์ดิสก์เสีย ข้อมูลก็จะยังไม่สูญหายไป ข้อควรระวังก็คือ ในเรื่องของไฟตกไฟชากซึ่งจะมีผลต่อ Hard disk อาจทำให้เกิดความเสียหายได้
ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่มีอายุยืนมากยากจะบำรุงรักษาด้วยตัวเอง ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายซึ่งควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
• การติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์โดยให้ด้านหลังของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ห่างจากฝาผนังไม่น้อยกว่า 3 นิ้ว เพื่อการระบายความร้อน เป็นอย่างปกติไม่ทำให้เครื่องร้อนได้
• ควรเลือกใช้โต๊ะทำงานที่แข็งแรงป้องกันการโยกไปมาเพราะทำให้หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ถูกกระทบกระเทือนได้
• ควรมีการตรวจสอบสถานภาพของ Hard Disk ด้วยโปรแกรม Utility ต่างๆว่ายังสามารถใช้งานได้ครบ 100 % หรือมีส่วนใดของ Hard Diskที่ใช้งานไม่ได้
การดูแลรักษาดิสก์ไดรฟ์ (Disk Drive)
ดิสก์ไดร์ฟ (Disk Drive) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านและเขียนข้อมูลลงในแผ่นฟลอปปีดิสก์ ซึ่งดิสก์ไดร์ฟก็มีหลายชนิด แต่ในปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปมักจะใช้ดิสก์ไดร์ฟขนาด 3.5 นิ้ว การใช้งานดิสก์ไดร์ฟโดยทั่วไปไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนัก ถ้าผ่านปีแรกไปได้แล้วก็มักจะผ่านไปถึงปีที่ 3 ถ้าหากว่าดิสก์ไดร์ฟเสียในช่วงปีแรกก็สามารถส่งซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าเสียหลังจากปีแรกแล้ว ก็ควรที่จะซื้อเปลี่ยนใหม่ เพราะถ้าซ่อมจะไม่คุ้มค่า เพราะราคาดิสก์ไดร์ฟในปัจจุบันมีราคาถูกมาก
การดูและรักษา Disk Drive ควรปฏิบัติดังนี้
• เลือกใช้แผ่นดิสก์ที่สะอาดคือไม่มีคราบฝุ่น ไขมัน หรือรอยขูดขีดใดๆ
• ใช้น้ำยาล้างหัวอ่านดิสก์ทุกๆเดือน
• หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นดิสก์เก่าที่เก็บไว้นาน ๆ เพราะจะทำให้หัวอ่าน Disk Drive สกปรกได้ง่าย
3.การใช้งาน Defrag ฮาร์ดดิสก์
การ Defrag ฮาร์ดดิสก์ เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับการทำงานของระบบ สำหรับ Windows XP
1. ดับเบิ้ลคลิกที่ My Computer คลิกขวาไดร์ฟที่ต้องการทำ Defragment เลือก Properties

2. คลิกที่แท็บ Tools จากนั้นคลิกที่ Defragment Now...

3. คลิกที่ Defragment

4. จากนั้นให้รอ เครื่องจะทำการ Defragment ซึ่งอาจจะใช้เวลานาน

5.เมื่อเครื่อง Defragment เสร็จเครื่องจะแจ้งให้ทราบถ้าต้องการดูรายละเอียดต่าง ๆ ของการ Defragment ให้คลิกที่ View Report ถ้าไม่ต้องการก็ให้คลิกที่ Close

หมายเหตุ• การทำ Defragment ให้ทำการ Disk Cleanup และ Scan Disk ก่อน ถ้าทำไม่ผ่านให้ทำใน Saft Mod
4.การใช้งาน Disk Defragmenter
Disk Defragmenter ก็คือการทำการจัดเรียงข้อมูลของไฟล์ต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ให้มีความต่อเนื่องหรือเรียงเป็นระบบต่อ ๆ กันไป ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ความเร็วในการอ่านข้อมูลของไฟล์นั้น จะมีการอ่านข้อมูล ได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นถ้าหากมีไฟล์ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ที่มีการเก็บข้อมูลแบบกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เมื่อต้องการอ่าน ข้อมูลของไฟล์นั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ก็จะต้องมีการเคลื่อนย้ายไปมาเพื่อทำการอ่านข้อมูลจบครบ หากเรามีการทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์ แล้วจะทำให้การเก็บข้อมูลจะมีความต่อเนื่องกันมากขึ้น เมื่อต้องการอ่านข้อมูลนั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์จะสามารถอ่านได้ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายหัวอ่านบ่อยหรือมากเกินไป จะทำให้ใช้เวลาในการอ่านได้เร็วขึ้น
ที่จริงแล้ว ยังมีโปรแกรมของบริษัทอื่น ๆ อีกหลายตัวที่สามารถทำการจัดเรียงข้อมูลให้มีความต่อเนื่องกันได้ เช่น Speeddisk ของ Norton และอื่น ๆ อีกมาก แต่ในที่นี้จะขอแนะนำหลักการของการใช้โปรแกรม Disk Defragmenter ที่มีมาให้กับ Windows อยู่แล้ว ไม่ต้องไปค้นหาจากที่อื่น
ข้อแนะนำก่อนใช้โปรแกรม Disk Defragmenterเพื่อให้การใช้งาน Disk Defragmenter มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก่อนการเรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter ควรจะเรียกโปรแกรม Walign ก่อนเพื่อการจัดเรียงลำดับของไฟล์ที่ใช้งานบ่อย ๆ ให้มาอยู่ในลำดับต้น ๆ ของฮาร์ดดิสก์ครับ โดยที่โปรแกรม Walign จะทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลการใช้งานไฟล์ ที่มีการเรียกใช้บ่อย ๆ ไว้ และนำมาจัดการเรียงลำดับ ให้อยู่ในส่วนแรก ๆ ของฮาร์ดดิสก์ ดังนั้นการที่เราเรียกโปรแกรม Walign ก่อนการทำ Disk Defragmenter จะเป็นการเพิ่มความเร็วของการอ่านข้อมูลได้อีกทางหนึ่ง โปรแกรม Walign จะอยู่ใน Folder C:\WINDOWS\SYSTEM\Walign.exe ครับ เปิดโดยการเข้าไปใน My Computer และเลือกไฟล์

กดดับเบิลคลิกที่ไฟล์ Walign เพื่อเรียกไฟล์ Walign.exe

โปรแกรมจะเริ่มต้นการ Tuning up Application เมื่อเสร็จแล้วจึงทำการ Defrag ต่อไป
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการทำ Disk Defrag คือต้องปิดโปรแกรมต่าง ๆ ที่ทำงานอยู่ในขณะนั้นให้หมดก่อน เช่น Screen Saver, Winamp หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่จะต้องทำให้มีการอ่าน-เขียน ฮาร์ดดิสก์ บ่อย ๆ เพราะว่า เมื่อใดก็ตามที่ฮาร์ดดิสก์มีการอ่าน-เขียนข้อมูล จะทำให้โปรแกรม Disk Defragment เริ่มต้นการทำ Defrag ใหม่ทุกครั้ง ทำให้การทำ Defrag ไม่ยอมเสร็จง่าย ๆ หรืออาจจะใช้วิธีเข้า Windows แบบ Safe Mode โดยการกด F8 เมื่อเปิดเครื่องเพื่อเข้าหน้าเมนู และเลือกเข้า Safe Mode แทนก็ได้
การเรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenterเรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และเลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Disk Defragmenter ตามรูปตัวอย่าง

เลือกที่ Disk Defragmenter เพื่อเรียกใช้โปรแกรม Defrag

เลือกที่ Drive ที่ต้องการทำ Defrag และกด OK เพื่อเริ่มต้นการทำ Defrag หรืออาจจะเลือกที่ Settings... เพื่อทำการตั้งค่าต่าง ๆ ก่อนก็ได้

Rearrange program files... เลือกถ้าต้องการให้มีการจัดเรียงลำดับการเก็บข้อมูลของไฟล์
Check the drive... เลือกถ้าต้องการให้มีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ก่อนการทำ Defrag
This time only เลือกถ้าต้องการให้การตั้งค่าข้างบน มีผลเฉพาะการเรียก Disk Defragmenter ในครั้งนี้เท่านั้น
Every time I degragment... เลือกถ้าต้องการเก็บค่าที่ตั้งไว้ให้ใช้ตลอดไปโดยไม่ต้องเข้ามาเลือกใหม่
Check the drive... เลือกถ้าต้องการให้มีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ก่อนการทำ Defrag
This time only เลือกถ้าต้องการให้การตั้งค่าข้างบน มีผลเฉพาะการเรียก Disk Defragmenter ในครั้งนี้เท่านั้น
Every time I degragment... เลือกถ้าต้องการเก็บค่าที่ตั้งไว้ให้ใช้ตลอดไปโดยไม่ต้องเข้ามาเลือกใหม่
เมื่อเลือกได้แล้วก็กด OK (แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้ค่าที่ตั้งไว้อยู่แล้ว จะดีกว่าครับ)

เมื่อกด OK ก็จะเริ่มต้นการทำ Disk Defragment ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ จะค่อนข้างนานมากนะครับ ประมาณ 1-4 ชม.ทีเดียว ดังนั้นก็นาน ๆ ทำสักครั้งก็พอ ไม่ต้องทำบ่อยนัก ถ้าสงสารฮาร์ดดิสก์ที่ต้องมีการทำงานที่หนัก ๆ มากครับ โดยส่วนตัวผมแนะนำว่า ถ้าไม่มีการลงโปรแกรมต่าง ๆ บ่อยนักก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่ถ้าหากรู้สึกว่าฮาร์ดดิสก์ทำงานช้าลงไป ก็ลองทำดูสักครั้ง
วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556
การติดตั้ง windows 7
คอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับลง Windows 7 ควรจะมีสเปคอยู่ในระดับปานกลาง แต่แนะนำว่าควรเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นไม่เก่าจนเกินไปนัก และใช้การ์ดจอแบบ 3D ต่อไปนี้เป็นคุณสมบัติของเครื่องคอมพิวเตอร์ขั้นต่ำที่สามารถใช้งาน Windows 7 ได้อย่างราบรื่น
- ซีพียู ความเร็วขั้นต่ำ 1 GHz (32 bit หรือ 64 bit ก็ได้)
- แรม ขั้นต่ำ 1 GB
- พื้นที่ว่าง ในฮาร์ดดิสก์ที่จะ ลง Windows 7 อย่างน้อย 16 GB
- กราฟิกการ์ด มีหน่วยความจำขั้นต่ำ 128 MB และควรสนับสนุน DirectX9
- ไดร์ฟ DVD-R/W สำหรับการลง Windows 7 ผ่านแผ่น DVD
- แรม ขั้นต่ำ 1 GB
- พื้นที่ว่าง ในฮาร์ดดิสก์ที่จะ ลง Windows 7 อย่างน้อย 16 GB
- กราฟิกการ์ด มีหน่วยความจำขั้นต่ำ 128 MB และควรสนับสนุน DirectX9
- ไดร์ฟ DVD-R/W สำหรับการลง Windows 7 ผ่านแผ่น DVD
นอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว คุณสมบัติบางอย่างของ Windows 7 อาจต้องใช้อุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม เช่น การบันทึกรายการทีวี จะต้องมีการ์ดสำหรับการบันทึกภาพ การใช้งานระบบสัมผัส การเขียนด้วยลายมือ หน้าจอจะต้องรองรับระบบมัลติทัช เป็นต้น
วิธีลง Windows 7
1.Restart และกำหนดให้เครื่องบูตจากแผ่น DVD โดยขั้นตอนการบูตของ Windows เริ่มต้นให้เรากดปุ่ม F2 หรือ Del แล้วแต่รุ่นของไบออสในคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น ในที่นี้ยกตัวอย่างดังภาพด้านล่าง ซึ่งหลักการก็คือเมื่อเข้าไบออสได้แล้ว ให้ตั้งค่าบูตจากแผ่น CD/DVD เป็นอันดับแรก
** ส่วนมากเครื่อง PC จะกดปุ่ม Del
** โน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่จะกดปุ่ม F2
- ในตัวอย่างนี้ให้กดปุ่มลูกศรที่คีย์บอร์ดเลื่อนลงมาเลือก Advanced BIOS Features
- ให้เลื่อนลงมาเลือกตรง First Boot Device กด Enter แล้วเลือกเป็น CD/DVD ROM
- เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้กดปุ่ม F10 บนคีย์บอร์ดแล้วพิมพ์ Y หลังจากนั้นกด Enter
2.เริ่มขั้นตอนการลง Windows 7 จากแผ่น DVD สังเกตว่าเมื่อเครื่องเริ่มบูตจากแผ่นจะขึ้นข้อความดังภาพ ในขั้นตอนนี้ให้เรากดปุ่มใดๆ บนคีย์บอร์ดก็ได้เพื่อทำการบูต Windows

3.เลือกภาษาที่ใช้ในระหว่างการลง
4.เลือกประเทศ ในที่นี้เลือกประเทศ Thai
5.เลือกวิธีจัดวางคีย์บอร์ดที่รองรับภาษาไทย จากนั้นคลิกปุ่ม Next
6.คลิกปุ่ม Install now
7.เลือกเวอร์ชันของ Windows 7 ที่ต้องการลง จากนั้นคลิกปุ่ม Next
8.คลิก I Accept ยอมรับข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ แล้วคลิกปุ่ม Next
9.คลิก Custom (Advanced)
** เรื่องเกี่ยวกับฟอร์แมตพาร์ติชันก่อนลง Windows 7 **
ก่อนเข้าสู่การลง Windows 7 ขั้นตอนถัดไป หากไดร์ฟ หรือพาร์ติชันที่ต้องการลง Windows 7 เป็นไดร์ฟเก่าที่ยังคงมีข้อมูลเดิมอยู่ เราสามารถเลือกฟอร์แมตไดร์ฟนี้ก่อนได้ เพื่อล้างข้อมูลทั้งหมดบนไดร์ฟที่เลือก และเป็นการจัดระเบียบพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ใหม่ด้วย
การฟอร์แมตพาร์ติชันนี้ เราสามารถเลือกใช้คำสั่งระหว่างขั้นตอนการ ลง Windows 7 ได้ทันที โดยในขั้นตอนการเลือกพาร์ติชันสำหรับลง Windows 7 ให้เราคลิกที่ Drive options (Advanced) และเข้าไปเลือกสั่งฟอร์แมตพาร์ติชันก่อนได้ ดังนี้
การฟอร์แมตพาร์ติชันนี้ เราสามารถเลือกใช้คำสั่งระหว่างขั้นตอนการ ลง Windows 7 ได้ทันที โดยในขั้นตอนการเลือกพาร์ติชันสำหรับลง Windows 7 ให้เราคลิกที่ Drive options (Advanced) และเข้าไปเลือกสั่งฟอร์แมตพาร์ติชันก่อนได้ ดังนี้
- เลือกพาร์ติชันสำหรับ ลง Windows 7 ที่จะฟอร์แมตก่อน
- คลิกที่ Drive options (Advanced)
- คลิกที่ Drive options (Advanced)
- จะปรากฏคำสั่งสำหรับจัดการพาร์ติชัน ให้คลิกที่ Format เพื่อสั่งฟอร์แมตพาร์ติชันที่เลือก
นอกจากคำสั่ง Format แล้ว ในส่วนของ Drive options ยังมีคำสั่งอื่นๆ สำหรับจัดการพาร์ติชันที่เลือกอีก ดังต่อไปนี้
Refresh : ให้โปรแกรมติดตั้งตรวจสอบพื้นที่พาร์ติชันใหม่อีกครั้ง
Delete : ลบพาร์ติชันที่เลือกอยู่ ผลลัพธ์ที่ได้จะได้พาร์ติชันที่ไม่มีการจัดรูปแบบ (Unpartitioned space)
New : เลือกสร้างพาร์ติชันใหม่ (ต้องมีพื้นที่พาร์ติชันที่ยังไม่มีการจัดรูปแบบอยู่ด้วย เพื่อดึงพื้นที่ไปใช้)
Load Driver : โหลดไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม เช่น ไดรเวอร์ฮาร์ดดิสก์ SATA รุ่นใหม่
Extend : ขยายขนาดของพาร์ติชันที่เลือก
Delete : ลบพาร์ติชันที่เลือกอยู่ ผลลัพธ์ที่ได้จะได้พาร์ติชันที่ไม่มีการจัดรูปแบบ (Unpartitioned space)
New : เลือกสร้างพาร์ติชันใหม่ (ต้องมีพื้นที่พาร์ติชันที่ยังไม่มีการจัดรูปแบบอยู่ด้วย เพื่อดึงพื้นที่ไปใช้)
Load Driver : โหลดไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม เช่น ไดรเวอร์ฮาร์ดดิสก์ SATA รุ่นใหม่
Extend : ขยายขนาดของพาร์ติชันที่เลือก
- แจ้งว่าข้อมูลบนไดร์ฟที่เลือกทั้งหมดจะถูกลบทิ้ง ให้เราคลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยันการฟอร์แมต
- โปรแกรมติดตั้งจะทำการฟอร์แมตพาร์ติชัน ให้เรารอสักครู่
10.เมื่อ Format เสร็จแล้ว ให้คลิกเลือกไดรฟ์ที่จะลง Windows ข้อสังเกตหลังจากเรา Format แล้วพื้นที่ไดรฟ์ในส่วนของ Total Size และ Free Space จะเท่ากัน
11.คลิกปุ่ม Next
12.ขั้นตอนนี้จะมีการก๊อบปี้ไฟล์ลงไดรฟ์ที่เราเลือกลง Windows 7
13.บางครั้งอาจมีการ Restart เครื่อง
14.จะพบหน้าต่างสำหรับการปรับแต่งครั้งแรกก่อนมีการใช้งาน ให้รอสักครู่
15.เมื่อขั้นหน้าต่างดังภาพ ให้กรอกชื่อผู้ใช้ (User Name)
16.กรอกชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นคลิกปุ่ม Next
17.ตั้งรหัสผ่าน
18.กรอกรหัสผ่านเดิมซ้ำอีกครั้ง
19.กรอกข้อความที่ใช้ไขปริศนารหัสผ่านในกรณีลืมรหัสผ่าน จากนั้นคลิกปุ่ม Next
20.กรอก Product Key จากนั้นคลิกปุ่ม Next
21.คลิก User recommended
22. ตั้งวันที่ และเวลาให้ถูกต้อง หลังจากนั้นคลิกปุ่ม Next
- Time zone : UTC+07.00 Bangkok,Hanoi,Jakarta
23.เสร็จสิ้นขั้นตอนการลง Windows 7

เพียงเท่านี้เครื่องเราก็จะใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ได้แล้ว ซึ่งจากขั้นตอนการลง Windows 7 ดังกล่าวนั้น ผู้อ่านสามารถทำตามทีละขั้นตอนได้เลย ง่ายมากๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)